เกิดระเบิดกลางกรุงปารีส ของฝรั่งเศส มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

เกิดระเบิดกลางกรุงปารีส ของฝรั่งเศส มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดรุนแรงที่ร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่งใจกลางกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

รายงานระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เกิดระเบิดรุนแรงที่ร้านเบเกอรี่ในเขต 9 ของกรุงปารีส ที่เป็นเขตที่อยู่อาศัยและเขตธุรกิจการค้า จากนั้นจึงเกิดเพลิงไหม้ตามมา สร้างความเสียหายแก่อาคารและบริเวณใกล้เคียง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะเข้ามาดับเพลิง โดยช่างภาพคนหนึ่งของเอเอฟพี เห็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บรายหนึ่งออกมาจากอาคาร

จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าระเบิดครั้งนี้มีสาเหตุมาจากแก๊สรั่ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังช่วยกันดับไฟในเขตธุรกิจย่านกลางกรุงปารีส หลังเกิดระเบิดรุนแรงซึ่งทำให้มีคนบาดเจ็บไม่น้อยกว่า 20 คน รถยนต์หลายคันและอาคารที่อยู่บนถนน รูย์ เดอ เทรวิส ในเขต 9 ของกรุงปารีส ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด

เจ้าหน้าที่กันคนไม่ให้เข้าไปในบริเวณดังกล่าว ให้เพียงเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินผ่านเข้าไปเท่านั้น ภาพที่เกิดขึ้นถัดจากการระเบิดก็คือ ข้างถนนเต็มไปด้วยเศษซากของสิ่งเสียหาย ประชาชนที่อยู่บนถนนในขณะนั้นต่างพากันยืนนิ่ง สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

กรุงปารีส ของฝรั่งเศสอยู่ในระหว่างการเตรียมพร้อมรับมือกับการประท้วงรอบใหม่ของกลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจราว 80,000 นาย อยู่เวรในวันนี้ แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าการระเบิดครั้งนี้เกี่ยวเนื่องกับการประท้วง หรือเป็นฝีมือของผู้ประท้วง หนังสือพิมพ์ เลอ ปารีเซียง รายงานว่า ร้านเบเกอรี่ต้นเหตุ ชื่อว่าอูแบร์ เบเกอรี่ ยังไม่ได้เปิดร้านตอนเกิดระเบิด

ผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณนั้นบอกว่า เขากำลังนอนหลับอยู่ตอนที่แรงระเบิดพังหน้าต่างห้องของเขา เขาได้ยินเสียงผู้คนในอาคารต่างวิ่งลงไปข้างล่างพร้อมกับกรีดร้องด้วยความตกใจ

ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นยังบอกด้วยว่า แรงระเบิดทำให้โรงละครแถวนั้นพังไปแถบหนึ่ง พนักงานต้อนรับของโรงแรมที่อยู่ใกล้เคียงเล่าว่า แรงระเบิดรุนแรงทำให้หน้าต่างทุกบานแตกหมด และทางโรงแรมต้องประกาศให้แขกที่มาพักสบายใจว่าไม่ใช่การก่อการร้าย

อ้างอิงข้อมูลและภาพจาก:https://www.posttoday.com/world/576801
อ้างอิงข้อมูลและภาพจาก:https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_2078341
อ้างอิงข้อมูลและภาพจาก:https://www.bbc.com/thai/international-46849209